homemade-whole-grain-bread-isolated-white-background (Web H)
Fooded.co

ขนมปังซาวร์โดว์ (Sourdough) คืออะไร? ทำความรู้จักกับขนมปังหมักธรรมชาติ

ขนมปังซาวร์โดว์ (Sourdough) คืออะไร? ทำความรู้จักกับขนมปังหมักธรรมชาติ

ขนมปังซาวร์โดว์ (Sourdough) เป็นขนมปังที่มีรากฐานการทำมาจากการหมักธรรมชาติ โดยใช้ยีสต์และแบคทีเรียที่มีอยู่ในธรรมชาติในการทำให้ขนมปังขึ้นฟู แตกต่างจากขนมปังทั่วไปที่ใช้ยีสต์เชิงพาณิชย์ ซาวร์โดว์จึงมีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมด้วยประโยชน์ต่อสุขภาพที่หลากหลาย ทั้งในเรื่องการย่อยง่าย ลดปริมาณกลูเตน และเพิ่มสารอาหารที่สำคัญ ในบทความนี้เราจะพูดถึงเกี่ยวกับส่วนประกอบต่างๆ ประโยชน์และเทคนิคการทำขนมปังซาวร์โดว์

ขนมปังซาวร์โดว์ (Sourdough) คืออะไร?

ขนมปังซาวร์โดว์ (Sourdough) คือขนมปังที่ทำจากการหมักธรรมชาติ ซึ่งมีรากฐานมาจากการใช้แบคทีเรียและยีสต์ที่มีอยู่ในธรรมชาติในการทำให้ขนมปังขึ้นฟู แตกต่างจากขนมปังที่ใช้ยีสต์เชิงพาณิชย์ซึ่งเป็นการเติมยีสต์โดยตรง ซาวร์โดว์จึงเป็นขนมปังที่มีเอกลักษณ์ทั้งในเรื่องรสชาติและเนื้อสัมผัสที่แตกต่างจากขนมปังทั่วไป

ขนมปังซาวร์โดว์ (Sourdough) คืออะไร? ทำความรู้จักกับขนมปังหมักธรรมชาติ

เคล็ดลับและแนวทางการกินขนมปัง Sourdough

ขนมปัง Sourdough สามารถกินได้ทั้งแบบสดๆ หรือนำไปปิ้งจนกรอบแล้วทานกับเนยหรือท็อปปิ้งต่างๆ คุณสามารถเลือกกินคู่กับ

  • เนยและแยม
  • อโวคาโดบด
  • ซุปและสลัด
  • ฮัมมุส
  • เนื้อสัตว์และชีส

โดยเฉลี่ยแล้ว ขนมปัง sourdough 1 ชิ้น (ประมาณ 56 กรัม) มีประมาณ 160-180 แคลอรี่ ขึ้นอยู่กับส่วนผสมและขนาดของชิ้น

แม้ว่าขนมปัง sourdough จะมีปริมาณแคลอรี่และคาร์โบไฮเดรตพอสมควร แต่เนื่องจากการหมักด้วยวิธีธรรมชาติ ทำให้ย่อยง่ายกว่าและมีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่า ดังนั้น หากทานในปริมาณที่เหมาะสม จะไม่ถือว่าเป็นอาหารที่ทำให้อ้วน

ซาวโดว์กับการทำเมนูต่างๆ

ขนมปังซาวโดว์สามารถนำมาทำเมนูต่างๆ ได้มากมาย เช่น

  • แซนด์วิชไก่ย่างกับอะโวคาโด
  • ทานคู่กับซุปเห็ดหรือซุปมะเขือเทศ
  • ทาเนยกระเทียมและอบเป็นขนมปังกระเทียม
  • เสิร์ฟคู่กับชีสและผลไม้สดเป็นของว่าง
ขนมปังซาวร์โดว์ (Sourdough) คืออะไร? ทำความรู้จักกับขนมปังหมักธรรมชาติ

ความพิเศษของขนมปังซาวร์โดว์

ตามปกติยีสต์ที่ใช้ในการทำขนมปังส่วนใหญ่ (Baker’s Yeast) มักเป็นสายพันธุ์ที่ผ่านการคัดเลือกและตรวจสอบคุณภาพมาแล้ว เช่น ยีสต์สายพันธุ์ Saccharomyces cerevisiae อย่างไรก็ตามการทำขนมปังซาวร์โดว์จะใช้หัวเชื้อที่เป็นยีสต์ธรรมชาติซึ่งพบได้ทั่วไปในสิ่งแวดล้อม แม้กระทั่งในอากาศ

กระบวนการทำหัวเชื้อซาวร์โดว์เริ่มต้นด้วยการผสมแป้งและน้ำเข้าด้วยกัน จากนั้นบ่มประมาณหนึ่งสัปดาห์หรือมากกว่านั้น ในระหว่างนี้จะต้องตักแป้งบางส่วนที่ยีสต์ใช้แล้วออก และเติมแป้งใหม่เข้าไปเพื่อเป็นอาหารให้ยีสต์ที่เพิ่มจำนวนขึ้น บางสูตรอาจมีการนำส่วนผสมอื่นมาหมักเป็นหัวเชื้อแทนแป้ง เช่น น้ำลูกเกดหรือน้ำชา

การทำเช่นนี้ทำให้ชนิดของยีสต์ในหัวเชื้ออาจมีมากกว่าหนึ่งชนิด และมีสายพันธุ์ที่แตกต่างจากยีสต์ที่ขายทั่วไป เช่น ขนมปังซาวร์โดว์บางประเภทมีการพบยีสต์สายพันธุ์แซ็กคาโรไมซีส ยูนิสปอรัส (Saccharomyces unisporus) ซึ่งเป็นสายพันธุ์เดียวกับที่ใช้ในการหมักนมเปรี้ยวแบบตะวันออกกลางที่เรียกว่า “เคเฟอร์ (Kefir)”

ส่วนประกอบของขนมปังซาวร์โดว์

  1. แป้ง : ส่วนประกอบหลักซึ่งสามารถใช้แป้งสาลี แป้งไรย์ หรือแป้งจากธัญพืชอื่นๆ
  2. น้ำ : ใช้เพื่อทำให้แป้งและยีสต์ในธรรมชาติรวมตัวกัน
  3. เกลือ : เพื่อเพิ่มรสชาติและช่วยในการควบคุมการเจริญเติบโตของยีสต์และแบคทีเรีย

กระบวนการทำขนมปังธรรมดาในทางวิทยาศาสตร์

การทำขนมปังธรรมดาเริ่มจากการผสมส่วนผสมให้เข้ากัน ในทางวิทยาศาสตร์สามารถอธิบายกระบวนการได้ว่า เมื่อแป้งสาลีดูดซับน้ำ โปรตีนในแป้งที่ชื่อว่า “กลูเตนิน” (Glutenin) และ “เกลียติน” (Gliadin) จะรวมตัวกันและเปลี่ยนเป็นกลูเต็น (Gluten) ที่มีลักษณะเป็นเหมือนตาข่ายที่ทำให้แป้งเหนียวและยืดหยุ่น โดยมีเกลือช่วยในการสร้างกลูเต็นอีกแรง ต่อมาคือกระบวนการหมักแอลกอฮอล์ (Alcoholic Fermentation) โดยในแป้งสาลีมีแป้งประเภทโพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharide) ซึ่งประกอบด้วยน้ำตาลกลูโคส (Glucose) เชื่อมต่อเป็นโซ่ และมีเอมไซม์อะไมเลส (Amylase) ช่วยย่อยแป้งเป็นน้ำตาลกลูโคสซึ่งเป็นอาหารของยีสต์ เมื่อยีสต์กินอาหาร มีการหายใจนำออกซิเจนเข้าไป และการหายใจนั้นนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา กลูเต็นจะเป็นตัวช่วยกักเก็บก๊าซนั้นทำให้ขนมปังฟู นั่นทำให้ขนมปังที่เรารับประทานกันนั้นมีความฟูและน่ากิน

ขนมปังซาวร์โดว์ (Sourdough) คืออะไร? ทำความรู้จักกับขนมปังหมักธรรมชาติ

กระบวนการทำขนมปังซาวร์โดว์

  1. การทำสตาร์ทเตอร์ (Starter) : เป็นการสร้างยีสต์และแบคทีเรียธรรมชาติจากการผสมแป้งและน้ำให้เกิดการหมัก โดยทั่วไปจะใช้เวลา 5-7 วันในการพัฒนาสตาร์ทเตอร์
  2. การเลี้ยงสตาร์ทเตอร์ : หลังจากได้สตาร์ทเตอร์แล้ว ต้องมีการเลี้ยงดูโดยการเพิ่มแป้งและน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ยีสต์และแบคทีเรียเจริญเติบโตอย่างเหมาะสม
  3. การผสมแป้งซาวร์โดว์ : เมื่อสตาร์ทเตอร์พร้อมใช้งาน จะนำมาผสมกับแป้ง น้ำ และเกลือเพื่อทำแป้งขนมปัง
  4. การขึ้นฟู (Fermentation) : หลังจากผสมแป้งแล้ว ต้องปล่อยให้แป้งขึ้นฟูเป็นระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งระยะเวลานี้จะขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและความแข็งของแป้งที่ใช้
  5. การอบ (Baking) : หลังจากแป้งขึ้นฟูแล้ว จะนำไปอบในเตาอบที่มีอุณหภูมิสูง เพื่อให้ได้ขนมปังซาวร์โดว์ที่มีเปลือกกรอบและเนื้อในนุ่ม

ประโยชน์ของขนมปังซาวร์โดว์

1. ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้มากขึ้น

การทานขนมปังซาวร์โดว์ช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้มากกว่าการทานขนมปังทั่วไป เนื่องจากในซาวร์โดว์มีกรดแลคติกที่ช่วยปรับสมดุลระดับไฟเตท ทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้นและรวดเร็วขึ้น ช่วยให้สารอาหารถูกนำไปใช้ประโยชน์ภายในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ช่วยลดอาการท้องอืด

ร่างกายสามารถย่อยขนมปังซาวร์โดว์ได้ง่ายกว่าขนมปังทั่วไปที่ทำจากยีสต์สำเร็จรูป เนื่องจากการทำขนมปังซาวร์โดว์ใช้เวลาหมักที่ยาวนาน ทำให้เกิดแบคทีเรียดีที่ช่วยย่อยกรดไฟติก ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการท้องอืด

3. ดีต่อลำไส้

ในซาวร์โดว์สตาร์ทเตอร์ (starter) มีแบคทีเรียดีอย่างพรีไบโอติก (Prebiotic) ที่เป็นสารอาหารสำคัญของลำไส้ใหญ่ ช่วยในการขับถ่าย นอกจากนี้ยังมีใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ (Insoluble Fiber) ที่ช่วยเพิ่มกากอาหารในลำไส้ ทำให้การขับถ่ายเป็นไปอย่างสะดวก

4. ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด

ขนมปังซาวร์โดว์เป็นขนมปังที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ คนที่เป็นเบาหวานสามารถทานขนมปังชนิดนี้ได้ เพราะหลังจากทานเข้าไป ระดับน้ำตาลในเลือดจะเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ไม่พุ่งสูงขึ้นทันที จึงลดความเสี่ยงในการเกิดความเจ็บป่วยเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน

ขนมปังซาวร์โดว์ (Sourdough) คืออะไร? ทำความรู้จักกับขนมปังหมักธรรมชาติ

เทคนิคและเคล็ดลับในการทำขนมปังซาวร์โดว์

  1. การเลือกแป้ง : ใช้แป้งที่ไม่ผ่านการฟอกขาวและไม่ผ่านการประดิษฐ์สารเคมี เพื่อรักษาคุณภาพของยีสต์ธรรมชาติ
  2. การควบคุมอุณหภูมิ : การหมักในอุณหภูมิที่เหมาะสมจะช่วยให้ขนมปังมีรสชาติที่ดีขึ้น
  3. การปรับเวลาในการขึ้นฟู : ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและความชื้น การทดลองและปรับเปลี่ยนเวลาจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

Sourdough starter

Sourdough starter คือการผสมแป้งและน้ำในปริมาณที่เท่ากัน แล้วทิ้งไว้ให้ยีสต์และแบคทีเรียในอากาศทำการหมักแป้งจนเกิดเป็นหัวเชื้อธรรมชาติ ซึ่งสามารถนำมาใช้ทำขนมปัง Sourdough ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์และเนื้อสัมผัสดี

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : Sourdough starter

การเก็บรักษา

ประโยชน์อีกด้านของขนมปังซาวร์โดว์คือความเปรี้ยวของแป้งซาวร์โดว์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียส่งผลให้ขนมปังซาวร์โดว์เก็บได้นานโดยไม่ต้องเติมสารกันเสีย เนื่องจากกรดแลคติก (Lactic) ที่แบคทีเรียผลิตจะไปยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราบางชนิดที่ทำให้ขนมปังเสีย นอกจากนี้เอทานอลที่ยีสต์ในซาวร์โดว์ผลิตได้ก็ไปยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียอื่นที่ทำให้เกิดการบูดเน่า ดังนั้นผู้ที่แพ้สารกันเสียจึงสามารถรับประทานขนมปังซาวร์โดว์ได้อย่างสบายใจ

ขนมปังเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมซึ่งเป็นการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาปรับใช้ผสานกับการสร้างสรรค์ ทำให้เกิดขนมปังรูปแบบใหม่ๆ หากท่านใดสนใจประโยชน์ของขนมปังซาวร์โดว์ หากมีเวลา ลองทำขนมปังซาวร์โดว์ดูสักครั้ง นอกจากจะเพิ่มทักษะการทำขนมปังแล้วยังถือเป็นงานอดิเรกที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองซึ่งสามารถนำมาต่อยอดเป็นอาชีพเสริมได้อีกด้วย

วิธีกินขนมปังซาวร์โดว์ให้อร่อยยิ่งขึ้น

การอุ่นขนมปังซาวร์โดว์จะช่วยเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอม ทำให้ขนมปังน่าทานมากขึ้นเป็นเท่าตัว ขนมปังซาวร์โดว์สามารถอุ่นแล้วทานเปล่าๆ หรือทาเนย น้ำผึ้ง แยม ตับบด หรือใช้ทำแซนด์วิชได้เช่นเดียวกับขนมปังทั่วไป

อุ่นแบบกรอบนอกนุ่มใน

  • เตาอบเล็ก : ตั้งไฟที่ 200 องศาเซลเซียส อุ่นเป็นเวลา 3-7 นาที
  • เครื่องปิ้งขนมปัง : ปิ้งจนขนมปังกรอบตามต้องการ
  • กระทะ : จี่ในกระทะจนขนมปังกรอบ

ข้อควรระวัง : หากขนมปังแข็งเกินไปหลังจากอุ่นแสดงว่าอุ่นนานเกินไป

อุ่นแบบนุ่มหนึบหนับ

  • ไมโครเวฟ : ตั้งกำลังไฟ 800 วัตต์ อุ่นเป็นเวลา 20-30 วินาที

ลองเลือกวิธีที่ชอบและเหมาะกับขนมปังซาวร์โดว์ของคุณเพื่อเพิ่มความอร่อยในการทานขนมปังซาวร์โดว์ในทุกๆ มื้อ!

สรุป

ขนมปังซาวร์โดว์ (Sourdough) คือขนมปังที่ทำจากการหมักธรรมชาติ โดยใช้ยีสต์และแบคทีเรียจากธรรมชาติ กระบวนการทำซาวร์โดว์ประกอบด้วยการทำสตาร์ทเตอร์ การเลี้ยงดูสตาร์ทเตอร์ การผสมแป้ง การขึ้นฟู และการอบ การทำซาวร์โดว์ต้องใช้เวลาและความเข้าใจในกระบวนการ แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือขนมปังที่มีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมด้วยประโยชน์ต่อสุขภาพ ทั้งการย่อยง่าย ลดปริมาณกลูเตน และเพิ่มสารอาหารที่สำคัญ ซาวร์โดว์ไม่เพียงแต่เป็นขนมปังที่มีประวัติยาวนาน แต่ยังเป็นตัวแทนของการทำอาหารแบบดั้งเดิมที่คงไว้ซึ่งคุณค่าทางโภชนาการและรสชาติที่โดดเด่น

ขนมปังซาวร์โดว์ (Sourdough) คืออะไร? ทำความรู้จักกับขนมปังหมักธรรมชาติ

คำถามที่พบบ่อย

การเริ่มต้นทำสตาร์ทเตอร์ยากไหม และต้องใช้เวลานานเท่าไร?

การเริ่มต้นทำสตาร์ทเตอร์ไม่ยากแต่ต้องมีความอดทนและความเข้าใจในกระบวนการ การทำสตาร์ทเตอร์ต้องใช้เวลา 5-7 วัน โดยเริ่มจากการผสมแป้งและน้ำให้เกิดการหมัก และต้องเพิ่มแป้งและน้ำใหม่ในทุกวันเพื่อให้ยีสต์และแบคทีเรียเจริญเติบโตอย่างเหมาะสม สตาร์ทเตอร์ที่พร้อมใช้งานจะมีกลิ่นเปรี้ยวๆ และมีฟองอากาศเล็กๆ ปรากฏอยู่

ทำไมขนมปังซาวร์โดว์ไม่ขึ้นฟูเหมือนที่คาดหวัง?

สาเหตุที่ขนมปังซาวโดว์ไม่ขึ้นฟูมีหลายสาเหตุ เช่น

  • สตาร์ทเตอร์ไม่แข็งแรงพอ : สตาร์ทเตอร์อาจยังไม่เจริญเติบโตพอ ต้องมีการเลี้ยงดูให้แข็งแรงก่อนใช้งาน
  • อุณหภูมิไม่เหมาะสม : การหมักแป้งในอุณหภูมิที่เย็นเกินไปหรือร้อนเกินไปจะทำให้ยีสต์ทำงานไม่เต็มที่ ควรหมักแป้งในอุณหภูมิประมาณ 24-28 องศาเซลเซียส
  • ระยะเวลาการหมักไม่เพียงพอ : การหมักแป้งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและความชื้น

ซาวร์โดว์มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไร?

ซาวร์โดว์มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่าง เช่น

  • ย่อยง่าย : กระบวนการหมักยีสต์ธรรมชาติทำให้ซาวโดว์ย่อยง่ายกว่าขนมปังทั่วไป
  • มีสารอาหารสูง : เช่น วิตามินบี กรดโฟลิก และสารแร่ธาตุต่างๆ
  • กระตุ้นการสร้างจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ : กระบวนการหมักทำให้เกิดจุลินทรีย์ที่ดีต่อระบบย่อยอาหาร

กินซาวโดว์แล้วจะอ้วนไหม?

การกินซาวโดว์ในปริมาณที่เหมาะสมไม่ทำให้อ้วน เนื่องจากซาวโดว์มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำกว่าขนมปังขาวทั่วไป และมีใยอาหารสูงที่ช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน แต่หากกินในปริมาณที่มากเกินไป หรือกินร่วมกับอาหารที่มีแคลอรีสูงก็อาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้

ซื้อขนมปังซาวโดว์ที่ไหน?

ซาวโดว์สามารถหาซื้อได้ตามสถานที่ต่างๆ ดังนี้

  • ซูเปอร์มาร์เก็ต : เช่น Tops, Villa Market, หรือ Gourmet Market
  • ร้านเบเกอรี่ : ร้านเบเกอรี่เฉพาะทางที่ทำขนมปังสดใหม่ทุกวัน
  • ร้านค้าออนไลน์ : เว็บไซต์ต่างๆ ที่ขายสินค้าหัตถกรรมหรืออาหารเช่น Shopee, Lazada, และเว็บไซต์ของร้านเบเกอรี่โดยตรง

คนทั่วไปนิยมกินขนมปังซาวโดว์กับอะไร?

ซาวโดว์เป็นขนมปังที่มีรสชาติและกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ สามารถนำมากินกับอาหารหลากหลายประเภทได้ เช่น

  • ซุป : ซาวโดว์เข้ากันได้ดีกับซุปทุกชนิด เช่น ซุปมะเขือเทศ ซุปฟักทอง
  • สลัด : ใช้ซาวโดว์เป็นส่วนประกอบในการทำขนมปังกรอบสำหรับสลัด
  • ชีสและโคลด์คัท : ใช้ซาวโดว์เป็นพื้นฐานในการทำแซนวิช หรือเสิร์ฟคู่กับชีสและโคลด์คัท
  • อาหารเช้า : ทาซาวโดว์ด้วยอะโวคาโดไข่ดาว และผักสดต่างๆ

ติดต่อเรา

Fooded.co แหล่งเรียนรู้ด้านอาหารและเครื่องมือ
Fooded.co

หมวดหมู่

ป้ายกำกับ

คอร์สเรียนของเรา

บทความและข้อมูลข่าวสาร

baguettes-market-france-close-up (Web H)
หลายคนคงเคยได้ยินว่า “น้ำตาลคือยาพิษ” แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าน้ำตาลเป็นส่วนสำคัญในการทำขนมแ...
waitress-placing-pastries (Web H)
ขนมปังหนานุ่ม เป็นขนมปังที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ด้วยเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุน หอมกลิ่นเนย และรส...
เมล่อนปัง (Melonpan): ขนมปังแสนอร่อยจากญี่ปุ่นที่คุณต้องลอง!
เมื่อพูดถึงขนมปังที่มีลวดลายสวยงามและรสชาติอร่อย เมล่อนปัง (Melonpan) หรือขนมปังเมล่อนญี่ปุ่นย่อมเป็...
female-baker-s-hand-wearing-plastic-glove-taking-baked-croissant-from-basket (Web H)
ซาลาเปาเป็นหนึ่งในอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั้งในเอเชียและทั่วโลก ด้วยรสชาติที่หอมอร่อยและ...
เตาอบเบเกอรี่
เตาอบชนิด Deck Oven เป็นเครื่องมือที่สำคัญในโลกของการทำขนม เนื่องจากมีความสามารถในการสร้างความร้อนที...
baguettes-market-france-close-up (Web H)
เมื่อพูดถึงสตรีทฟู้ดส์แสนอร่อยที่ทานได้ทุกมื้อและทำง่ายในครัวบ้าน Egg Toast หรือขนมปังไข่ทอด เป็นหนึ...
assortment-pieces-cake (1) (Web H)
สถาบันและโรงเรียนสอนเรียนทำขนมเค้กกรุงเทพฯ มีหลากสถานที่ที่มีชื่อเสียงและมีครูผู้สอนที่มีประสบการณ์ ...
female-baker-s-hand-wearing-plastic-glove-taking-baked-croissant-from-basket (Web H)
ขนมเปี๊ยะเป็นขนมอบที่มีต้นกำเนิดจากประเทศจีนและมีความหมายมงคลในวัฒนธรรมจีน ขนมเปี๊ยะมีลักษณะเป็นลูกก...
ซุปหัวหอมฝรั่งเศส
คล็ดลับความอร่อย กับเมนูอาหารฝรั่ง - ซุปหัวหอมสไตล์ฝรั่งเศส - ยิ่งแห้งยิ่งดี ยิ่งเก่ายิ่งเด็ด เคล็ดล...